ครับๆ หายไปนานเลยนะตัวผมเนี่ย หรือไม่หายกันนะ....ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะเรื่องที่จริงจะ60ผมก็ยังเขียนอยู่นะ แต่ช่วงนี้ก็ไม่ได้เขียนมาเป็นเดือนเลยเรื่องนั้น....ช่างมันแล้วกัน ที่ผมโผล่มานี่ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่เป็นเรื่องที่ผมกำลังเขียนใหม่อยู่นี่ โดยที่ผมยังไม่ได้คิดชื่อเรื่องเอาไว้เลยแต่ก็ดันมาเขียนซะแล้ว และไม่ต้องกลัวไปหรอกครับว่าผมจะชิ่งหรือดองเหมือนกับเรื่องก่อน...แต่เผื่อใจไว้หน่อยก็ดีนะ
เรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องอื่นตรงที่ผมตั้งเป้าเอาไว้ว่า ผมจะอัพทุกวันไม่ขาดตก...อาจนะอาจ เพราะช่วงนี้ผมได้เข้ามหาลัยเป็นที่เรียบร้อย และมีวิชาที่ต้องทำเกี่ยวกับการเขียนนี่ด้วย ผมก็เลยเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นงานของรายวิชานั้น
ก็เลยต้องจริงจังกับเรื่องนี้กันหน่อย
แต่ต้องเผื่อใจไว้หน่อยนะครับว่าผมคงจะเขียนเยอะๆแบบเรื่องเก่าไม่ได้ เพราะครั้งนี้เป็นหลายวัน...หรือคนอ่านจะชอบแบบนี้กว่า...ไม่ๆยังไงผมก็ชอบแบบเยอะๆและตูมที่เดียวมากกว่าอยู่ดี
เอาล่ะเขียนวนไปวนมาจนเยอะได้ที่แล้ว งั้นผมก็เริ่มทำการเขียนนิยายนี้ตั้งแต่วันที่ 6/9/2564 ณบัดนี้
————————————————————————————————————
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผมชินชากับกลิ่นนี้ กลิ่นเหม็นสาปของมันล่องลอยอยู่รอบๆตัวผม ความน่ารังเกียจของมันที่เปอะเปื้อนไปทั่วร่างกาย
มันทำให้ผมรู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต แต่ว่าครั้งนึงกลิ่นนี้มันคือแรงผลักดันที่ยังทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่ว่าตอนนี้มันจบแล้ว
ผมทำได้เพียงแค่ยืนเหม่อลอยจ้องมองท้องฟ้าที่มืดมัวผ่านเพดานหรูหราที่เป็นรูขนาดใหญ่ ผมรู้สึกว่างเปล่า ทั้งๆที่ผมทำความปรารถนาสำเร็จแล้ว...แต่ทำไมมันถึงได้ว่างเปล่าแบบนี้
"พ่อ!"
ในตอนที่ผมกำลังเหม่อลอยอยู่นั้นก็มีแสงร้องใสๆดังขึ้นมาทำร้ายความเงียบสงบ ผมหันไปมองทางต้นเสียงนั้นก็พบกับเด็กสาวคนนึงยืนอยู่
เธอนั้นดูน่ารักและงดงามสมกับเป็นเด็กสาว มีผิวสีชมพูดั่งดอกไม้สด มีเขาที่เหมือนกับแกะอยู่ข้างขมับด้านซ้ายและขวา มีดวงตาสีเขียวอ่อนดั่งมรกต
แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมองมาที่ผมด้วยน้ำตา...ไม่สิกำลังมองคนที่นอนอยู่ใต้เท่าผมต่างหาก
เด็กสาวจ้องมองด้วยความหวาดกลัว แต่เท้าของเธอกลับเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ทำให้ผมจ้องมองเธออย่างเหม่อลอย
แต่เด็กสาวกลับไม่สนใจดวงตาของผมแม้แต่น้อย เธอยังคงก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว แต่ผมยังคงภาวนาในใจขอให้เด็กสาวถอยไป
สิ่งที่ผมภาวนานั้นไร้ผล เด็กสาวยังคงเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก จนผมกลับริมฝีปากแน่น
และในตอนนั้นเองก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากข้างหลัง ผมจึงหันไปมองและพบกับกองทัพปีศาจในชุดเกราะเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
หลายตนนั้นอยู่ในสถาพสะบักสะบอม แต่พวกเขายังคงประคองร่างขึ้นมาถึงที่นี่ได้เพื่อที่จะปกป้องนายของตน
แต่มันสายไปแล้ว
ผู้นำของเหล่าปีศาจที่เดินขึ้นมานั้น เป็นปีศาจตัวสูงประมาณ165 มีผิวสีขาวเนียนและสวมแว่นทรงกลมใหญ่เกือบครอบใบหน้า แต่ว่าตอนนี้แว่นของเขานั้นแตกไปข้างนึง มีหางสีดำเหมือนแมว
ชายคนนั้นสอดส่องไปรอบห้องอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะหันมาจ้องมองผมด้วยใบหน้าซีดเผือก แต่ในตอนที่จะได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างหน้าผม
มันยิ่งทำให้ชายคนนั้นสั่นกลัวเข้าไปใหญ่จนคลุมสติไม่อยู่ และตะโกนออกมา
"องค์หญิงหนีไป!"
ชายคนนั้นตะโกนลั่นและกางปีก ก่อนที่จะพุ่งมาหาผมอย่างรวดเร็ว
แต่มันยังเร็วไม่พอ
ผมเดินไปข้างหน้าและหยุดอยู่ที่เด็กสาวที่จ้องมองบิดาของตนอย่างไม่วางตา ผมค่อยๆนั่งยองๆข้างหน้าเธอและทำการสวมกอดเด็กสาว
แต่เด็กสาวกลับไม่สนใจผมและพยายามเดินไปหาบิดาของเธอ ผมจึงทำการปลอบเธอเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรๆ พ่อของเธอไม่เป็นไรหรอกนะ"
"พ่อ...พ่อ...พ่อ..."
ผมฟังคำนั้นอย่างเงียบๆพร้อมกับพุดรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา
"เป็นครอบครัวที่ดีนะ"
สิ้นสุดคำพูดของผมดาบสีเงินก็เสียบทะลุร่างของเด็กสาว แต่ว่าดวงตาของเด็กสาวยังคงจับจ้องที่บิดาของตนแม้ว่าจะเป็นวาระสุดท้ายของเธอก็ตาม
"แก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
ชายผู้เป็นผู้นำกลุ่มปีศาจนั้นตะโกนลั่น พร้อมกับพุ่งซัดร่างของผมทันที
ความคิดเห็น